สังคมศึกษา ม3-2

แบบทดสอบ

สังคม ภาคเรียนที่ 2/2558

  

มัธยมศึกษาปีที่ 3

 

1. คำว่า “วัดเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ของชุมชน” หมายความว่าอย่างไร
   1.   วัดทุกวัดมีโรงเรียนประจำวัด
   2.   เราสามารถศึกษาและแสวงหาความรู้ต่าง ๆ ได้จากวัด
   3.   เมื่อมีปัญหาประชาชนมักมาทำความเข้าใจและตกลงกันที่วัด
   4.   วัดมักตั้งอยู่ในกลางชุมชนเพื่อสะดวกต่อการไปทำบุญ กันที่วัด
2. การสัมมนาพระพุทธศาสนามีความมุ่งหมายสำคัญอย่างไร
   1.   ได้ความคิดเห็นที่แตกต่างเพื่อนำมาแก้ปัญหา
   2.   ปัญหาทุกปัญหาสามารถแก้ไขได้ด้วยการสัมมนา
   3.   หาข้อสรุปของสาเหตุและวิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง
   4.   มนุษย์เกิดมาพร้อมกับปัญหา หน้าที่ของมนุษย์คือการ แก้ปัญหา
3. การพัฒนาที่ยั่งยืนหมายถึงการพัฒนาอย่างไร
   1.   การพัฒนาไปตามกระแสโลก
   2.   การพัฒนาแล้วไม่ต้องพัฒนาอีก
   3.   การพัฒนาที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง
   4.   การพัฒนาตามขีดความสามารถของ ทรัพยากรธรรมชาติ
4. แนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริสัมพันธ์กับหลักพระพุทธศาสนาต่อไปนี้ ยกเว้น ข้อใด
   1.   หลักสันโดษ
   2.   หลักความพอดี
   3.   หลักการพึ่งตนเอง
   4.   หลักการบริโภคนิยม
5. ข้อใดคือสาเหตุที่พระเจ้าเสนทิโกศลหันมานับถือพระพุทธศาสนา
   1.   แพ้สงคราม
   2.   นับถือตามบรรพบุรุษ
   3.   เห็นอิทธิฤทธิ์ของพระสาวก
   4.   เลื่อมใสวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์
6. “ทุกครั้งที่เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ พระเจ้าปเสนทิโกศลจะทรงอภิวาท (กราบ) แทบพระยุคลบาทอย่างนอบน้อม” การกระทำของพระเจ้าปเสนทิโกศลทรงเป็นแบบอย่างที่ดีในข้อใด
   1.   ทรงมีพระทัยกว้าง
   2.   ทรงยึดมั่นในพระธรรม
   3.   ทรงมั่นคงในพระรัตนตรัย
   4.   ทรงปกป้องคุ้มครองพระพุทธสาสนา
7. สุวัณณหังสชาดกให้แง่คิดอย่างไร
   1.   โลภมากลาภหาย
   2.   พูดดีเป็นศรีแก่ตัว
   3.   ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
   4.   เห็นกงจักรเป็นดอกบัว
8. ทุกข้อต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับพระเขมาเถรี ยกเว้น ข้อใด
   1.   ผู้มีปัญญามาก
   2.   ทดแทนบุญคุณบุพการี
   3.   สังขารเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง
   4.   แตกฉานในปฏิสัมภิทา
9. ทุกข้อต่อไปนี้เกี่ยวข้องกับพระเจ้าปเสนทิโกศล ยกเว้น ข้อใด
   1.   มั่นคงในพระรัตนตรัย
   2.   ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
   3.   เอตทัคคะทางด้านผู้มีปัญญาเป็นเลิศ
   4.   อุปถัมภ์พระพุทธศาสนาเป็นพระราชอุปนิสัย
10. ข้อใด ไม่ สัมพันธ์กับองค์ประกอบของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
    1.   ภูมิคุ้มกัน = มีความรอบรู้
    2.   ความสมดุล = ความไม่โลภ
    3.   ทางสายกลาง = ไม่ประมาท
    4.   การเสริมสร้างคุณภาพคน = สำนึกในคุณธรรม
11. “ธรรมทั้งหลายสรุปรวมลงในอริยสัจ 4 ” สัมพันธ์กับข้อใด
    1.   หลักคำสอนของพระพุทธเจ้ามีเพียงอริยสัจ 4 เท่านั้น
    2.   พระรัตนตรัยคือหลักคำสอนด้านโครงสร้างของ
       อริยสัจ 4
    3.   อริยสัจ 4 มีเนื้อหาครอบคลุมหลักคำสอนทั้งมวลของพระพุทธศาสนา
    4.   การเรียนรู้หลักคำสอนพระพุทธศาสนาเรียนรู้เฉพาะ อริยสัจ 4 ก็เพียงพอแล้ว
12. ความรู้เรื่องสมุทัยจะเป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตอย่างไร
    1.   ชีวิตทุกชีวิตย่อมมีปัญหา
    2.   การแก้ปัญหาได้ถูกจุด
    3.   หน้าที่ของมนุษย์คือการแก้ไขปัญหา
    4.   เข้าใจตนเองและสังคมมากขึ้น
13. บุคคลใดดำรงตนอยู่ในสัมมายามะ
    1.   มาลีนั่งสมาธิทุกเช้า
    2.   อารีย์ไม่เคยทำร้ายชีวิตสัตว์เลยแม้แต่ตบยุงให้ตาย
    3.   วิชัยไม่เคยพยาบาทเพื่อนแม้จะถูกล้อเลียนอยู่ประจำ
    4.   ปรีดาไม่ยอมทดลองเสพยาบ้าแม้เพื่อนจะชวนทดลอง แล้วหลายครั้ง
14. การไปวัดเป็นประจำจะมาซึ่งประโยชน์แก่ชีวิตอย่างไร
    1.   ได้รู้จักพระสงฆ์ที่เป็นที่เคารพศรัทธาของ ชาวบ้าน
    2.   ได้หลักการประกอบอาชีพเนื่องจากในวัดมีการ
       สอนวิชาชีพ
    3.   ได้คบหาสมาคมกับคนจำนวนมากเป็นโอกาสใน
       การเจรจาการค้า
    4.   ได้หลักการดำรงชีวิตจากการฟังธรรมและทำบุญ
       บำเพ็ญกุศลตามหลักบุญกิริยาวัตถุ
15. กิเลส กรรม และวิบาก จะหมุนเวียนสืบทอดต่อกันไป ทำให้มีการเวียนว่ายตายเกิด ถ้าไม่ต้องการเวียนว่ายตายเกิดอีก พระพุทธศาสนาสอนว่าให้ปฏิบัติตามข้อใด
    1.   มรรค 8
    2.   ปัญญา 3
    3.   สัปปุริสธรรม 7
    4.   ทิฏฐธัมมิกัตถะ 4
16. “เห็นกงจักรเป็นดอกบัว” มีความหมายที่ ตรงข้าม กับมรรคข้อใด
    1.   สัมมาสติ
    2.   สัมมาทิฏฐิ
    3.   สัมมาวาจา
    4.   สัมมาสมาธิ
17. ข้อใด ไม่ใช่ ผลดีที่เกิดจากการฟังธรรม
    1.   ได้ฟังในสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง
    2.   เป็นที่เคารพเลื่อมใสแก่ผู้อื่น
    3.   เข้าใจชัดเจนในสิ่งที่เคยฟังมาแล้ว
    4.   คลายความสงสัย และมีความเห็นที่ถูกต้อง
18. สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ สิบมือคลำไม่เท่าหนึ่งจำไว้ในใจ ประโยคดังกล่าวแสดงถึงอะไร
    1.   อุปายมนสิการ
    2.   การณมนสิการ
    3.   โยนิโสมนสิการ
    4.   อุปปาทกมนสิการ
19. วิธีคิดแบบหลักที่สามารถขยายให้ครอบคลุมวิธีแบบอื่นได้ทั้งหมด เป็นการคิดแบบใด
    1.   แบบแก้ปัญหา
    2.   แบบปัจจัยสัมพันธ์
    3.   แบบสืบสาวเหตุปัจจัย
    4.   แบบสอบสวนหรือตั้งคำถาม
20. “ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา” แปลว่าอย่างไร
    1.   ฟังพระเทศน์
    2.   ฟังให้มาก
    3.   ฟังอย่างมีสติ
    4.   เลือกฟังเฉพาะเรื่องที่ดี
21. เพราะเหตุใดจึงกล่าวว่าพระพุทธศาสนาเป็นรากแก้วของสังคมไทย
    1.   คนไทยส่วนมากนับถือพระพุทธศาสนา
    2.   พระพุทธศาสนาสอนให้คนไทยเป็นคนดี
    3.   พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในสังคมไทย
    4.   พระพุทธศาสนาเป็นรากฐานของวัฒนธรรมและการ ดำเนินชีวิต
22. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการเตรียมการศาสนพิธีในงาน
    อมงคล
    
    1.   อาราธนาพระภิกษุเป็นจำนวนคี่
    2.   ใช้คำว่า “ขออาราธนาเจริญพระพุทธมนต์”
    3.   วงด้ายสายสิญจน์รอบบ้านหรือรอบบริเวณพิธี
    4.   จัดตั้งรูปหรืออัฐิผู้ตายและจัดเครื่องทองน้อยบูชา
       แยกต่างหากกลางโต๊ะหมู่บูชา
23. ข้อใดไม่เกี่ยวกับงานอวมงคล
    1.   บังสุกุล
    2.   เครื่องทองน้อย
    3.   สวดพระพุทธมนต์
    4.   เจริญพระพุทธมนต์
24. ขั้นตอนใดจัดเป็นขั้นตอนแรกของการทำบุญ
    1.   การกรวดน้ำ
    2.   การจุดธูปเทียน
    3.   การอาราธราพระสงฆ์
    4.   การถวายเครื่องไทยธรรม
25. ศาสนพิธีในข้อใดที่ ไม่มี การวงด้ายสายสิญจน์
    1.   งานมงคลสมรส
    2.   งานทำบุญฉลองอิฐ
    3.   งานทำบุญขึ้นบ้านใหม่
    4.   งานทำบุญครบรอบวันเกิด
26. การกรวดน้ำเริ่มต้นเมื่อพระสงฆ์เริ่มอนุโมทนาด้วยข้อความในข้อใด
    1.   สัพพีติโย
    2.   ยะถา วาริวหา
    3.   อิมินา มะยัง ภันเต
    4.   เสสัง มังคะลัง ยาจาทิ
27. การจุดธูปเทียนบูชาพระในงานมงคลที่บ้านควรเป็นหน้าที่ของใคร
    1.   มัคนายกของวัด
    2.   เจ้าภาพผู้เป็นเจ้าของงาน
    3.   แขกที่มีอาวุโสสูงสุดในงาน
    4.   พระสงฆ์ที่มีพรรษามากที่สุดในพิธี
28. “เสสัง มังคะลัง ยาจามิ” เกี่ยวข้องกับคำกล่าวในข้อใด
    1.   คำแผ่เมตตา
    2.   คำอุทิศส่วนกุศล
    3.   คำถวายสังฆทาน
    4.   คำลาข้าวพระพุทธ
29. พิธีกรรมสุดท้ายของศาสนพิธีตรงกับข้อใด
    1.   การกรวดน้ำ
    2.   การสมาทานศีล
    3.   การถวายเครื่องไทยธรรม
    4.   การส่งพระสงฆ์กลับบ้าน
30. ขั้นตอนใดสำคัญที่สุดในการแสดงตนเป็นพุทธมามกะ
    1.   การนุ่งขาวห่มขาว
    2.   การกล่าวคำปฏิญาณตน
    3.   การถวายเครื่องไทยธรรม กรวดน้ำ
    4.   การจุดธูปเทียนและวางดอกไม้บูชาพระ
31. ข้อใดคือความหมายของคำว่า “ความผิดต่อแผ่นดิน”
    1.   ความผิดที่มีผลกระทบต่อสังคม
    2.   ความที่มีผลกระทบต่อผู้ที่ถูกกระทำ
    3.   ความผิดที่มีผลต่อผู้ที่มีสัญชาติไทย
    4.   ความผิดที่ผู้ถูกกระทำจะไม่ติดใจเอาความกับผู้กระทำ ผิดก็ได้
32. การกระทำใดถือเป็นความผิดทางอาญา
    1.   ลักทรัพย์
    2.   ลักทรัพย์ ผิดสัญญาหมั้น
    3.   ทิ้งขยะลงแม่น้ำ ฉ้อโกงทรัพย์ผู้อื่น
    4.   ลักทรัพย์ ทิ้งขยะลงแม่น้ำ ฉ้อโกงทรัพย์อื่น
33. การกระทำใดถือเป็นความผิดทางแพ่ง
    1.   ลักทรัพย์
    2.   ลักทรัพย์ ผิดสัญญาหมั้น
    3.   ทิ้งขยะลงแม่น้ำ ฉ้อโกงทรัพย์ผู้อื่น
    4.   ลักทรัพย์ ทิ้งขยะลงแม่น้ำ ฉ้อโกงทรัพย์อื่น
34. ข้อใด ไม่ใช่ โทษทางอาญา
    1.   ปรับ
    2.   ริบทรัพย์สิน
    3.   ประหารชีวิต
    4.   ชดใช้ค่าสินไหม
35. การขับรถชนคนได้รับบาดเจ็บโดยไม่เจตนาถือเป็นความผิดประเภทใด
    1.   ไม่ถือเป็นความผิด
    2.   ความผิดทางแพ่ง
    3.   ความผิดทางอาญา
    4.   ความผิดทั้งทางแพ่งและอาญา
36. การกระทำของผู้ใดไม่มีความผิดฐานทำละเมิด
    1.   วิชัยเดินเหม่อจึงทำอาหารหกราดลูกค้า
    2.   วิชาวิ่งชนเสาไฟฟ้าได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก
    3.   วิภาขี่จักรยานพุ่งชนกำแพงบ้านวิชิตได้รับความ
       เสียหาย
    4.   วิรัชจงใจทำร้ายวิวัฒน์ ทำให้วิวัฒน์ต้องเข้ารักษา
       ตัวในโรงพยาบาล
37. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการหมั้น
    1.   ปุ้มผิดสัญญาหมั้น ฝ่ายชายสามารถเรียกของหมั้น
       คืนได้
    2.   ปุต้องคืนของหมั้นให้ป้อม เพราะป้อมบอกเลิก
       สัญญาหมั้น
    3.   ปลามีสิทธิ์ฟ้องร้องให้ศาลสั่งทำการสมรสกับ
       โป้งผู้เป็นคู่หมั้น
    4.   คู่หมั้นของเป้ยเสียชีวิต เป้ยสามารถฟ้องร้องเรียก
       ค่าชดเชยในการเตรียมตัวจัดงานสมรสได้
38. หลักการของสิทธิมนุษยชนให้ความสำคัญกับสิ่งใด
    มากที่สุด
    
    1.   ความเสมอภาค
    2.   ความมีเหตุผล
    3.   ความมีศีลธรรม
    4.   การพัฒนาศักยภาพ
39. ข้อใด ไม่ใช่ แนวปฏิบัติที่แสดงถึงการเคารพสิทธิมนุษยชน
    1.   การห้ามลงโทษ
    2.   การห้ามกักขัง
    3.   การห้ามทรมาน
    4.   การห้ามละเมิดความ เป็นส่วนตัว
40. ผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนสามารถปกป้องตนเองได้หลายวิธี ยกเว้น
    1.   นำคดีขึ้นฟ้องต่อศาลตามแต่สิทธิที่ถูกลิดรอน
    2.   ร้องเรียนต่อองค์กรเอกชนด้านสิทธิมนุษยชน
    3.   ยื่นคำร้องเป็นหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิ
       มนุษยชน
    4.   ร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนให้
       ลงโทษผู้ละเมิด